14 มี.ค. 2025
วางแผนการเงินอย่างไร? ให้รอบคอบในช่วง ภาวะเงินเฟ้อ
จะเกิดอะไรขึ้น? เมื่อต้องอยู่ใน ภาวะเงินเฟ้อ ที่ข้าวของราคาแพง แล้วควรวางแผนการเงินอย่างไร มีผลกระทบอะไรกับเราบ้าง? หลายคนคงรู้สึกได้ถึงค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นราคาอาหาร ค่าเดินทาง หรือค่าสาธารณูปโภคต่างๆ ที่กระทบกับกำลังซื้อ และคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สถานการณ์นี้เรียกว่า "ภาวะเงินเฟ้อ" ซึ่งเป็นปัญหาเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง ตั้งแต่ระดับครัวเรือนไปจนถึงระดับประเทศดังนั้น การทำความเข้าใจ และเตรียมพร้อมรับมือ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราทุกคนบริหารจัดการการเงิน และดำเนินชีวิตได้อย่างมั่นคงในทุกสถานการณ์ สภาวะเงินเฟ้อ (Inflation) คืออะไร?ภาวะเงินเฟ้อ คือ สภาวะที่ระดับราคาสินค้า และบริการโดยทั่วไปในระบบเศรษฐกิจปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กำลังซื้อลดลง พูดให้เข้าใจง่ายก็คือ เงินจำนวนเท่าเดิมสามารถซื้อสินค้า และบริการได้น้อยลงเมื่อเทียบกับในอดีต โดยภาวะเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงหรือต่ำจะคำนวณจากดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index: CPI) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้า และบริการที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ค่าสาธารณูปโภค และค่าเดินทางโดย 2 สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ การเกิดภาวะเงินเฟ้อ มักมาจากความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) ในระบบเศรษฐกิจ สามารถแบ่งสาเหตุหลักได้เป็น 2 ประการสำคัญ คือ- ความต้องการสินค้า และบริการที่เพิ่มขึ้น (Demand-Pull Inflation) เมื่อความต้องการซื้อสินค้า และบริการในตลาดเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกินกำลังการผลิตของผู้ประกอบการ สถานการณ์นี้มักเกิดในช่วงที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น หรือมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ นอกจากนี้ หากประชาชนคาดการณ์ว่าราคาสินค้าจะปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต ก็อาจเกิดพฤติกรรมการกักตุนสินค้า ซึ่งยิ่งเป็นการเร่งให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้นไปอีก เนื่องจากอุปทานในตลาดยิ่งขาดแคลนมากขึ้นนั่นเอง
- ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น (Cost-Push Inflation) เป็นสถานการณ์ที่ราคาสินค้า และบริการปรับตัวสูงขึ้นเนื่องมาจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น โดยผู้ผลิตจำเป็นต้องผลักภาระต้นทุนไปยังผู้บริโภค เพื่อรักษาระดับกำไรให้ธุรกิจอยู่รอดได้ สาเหตุสำคัญมักเกิดจากการพุ่งสูงขึ้นของราคาวัตถุดิบ รวมถึงการปรับขึ้นของค่าแรง นอกจากนี้ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ภัยธรรมชาติ และการขาดแคลนปัจจัยการผลิต ก็เป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น จนส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าในที่สุด
- ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ในช่วงที่เกิดภาวะเงินเฟ้อ คุณจะรู้สึกได้ถึงภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นแทบทุกด้าน โดยเฉพาะค่าอาหาร และสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน รวมถึงค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าเดินทาง นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายสำคัญอย่างการดูแลสุขภาพ และการศึกษาก็มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
- กำลังซื้อที่ลดลง หนึ่งในผลกระทบที่ชัดเจน คือ กำลังซื้อลดลง แม้จะมีรายได้ มีเงินเดือนเท่าเดิม แต่กลับซื้อสินค้า และบริการได้น้อยลงกว่าเดิม ทำให้หลายคนวางแผนการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ยากขึ้น หลายครอบครัวอาจต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต หาอาชีพเสริมมนุษย์เงินเดือนทำหลังเลิกงาน หรือตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตได้ในช่วงนี้
- ส่งผลต่อเงินออม และการลงทุน การออมเงินในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ อาจไม่ใช่วิธีเก็บเงินที่คุ้มค่าในช่วงภาวะเงินเฟ้อ เพราะมูลค่าของเงินมักจะลดลงในช่วงที่เงินเฟ้อ ส่งผลให้เงินเก็บของคุณมีมูลค่าน้อยลงไปด้วย ลองคิดง่ายๆ ว่า ถ้าเก็บเงินไว้ 1,000 บาท แต่เมื่อเวลาผ่านไป 1 ปี เงิน 1,000 บาทนั้นอาจซื้อของได้น้อยลงเหลือแค่ 950 บาท ดังนั้น การฝากเงินไว้ในบัญชีออมทรัพย์ที่ได้ดอกเบี้ยน้อยๆ อาจไม่คุ้มค่า ควรมองหาวิธีบริหารเงินออมแบบอื่นๆ เช่น ฝากประจำที่ได้ดอกเบี้ยสูงกว่า หรือลงทุนในสินทรัพย์ที่มีโอกาสได้ผลตอบแทนมากกว่าอัตราเงินเฟ้อ
